เครื่องกรองน้ำ

เครื่องกรองน้ำดื่มในบ้านต้องเป็นเครื่องแบบไหนให้เหมาะสม ต้องระบบอะไรดี

น้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพ การเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับทุกครอบครัว สำหรับใครที่กำลังมองหา เครื่องกรองน้ำ ในบ้านสักเครื่อง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองหรือคนในครอบครัวมากที่สุด
1. เลือกจากระบบเครื่องกรองน้ำดื่มในบ้าน
หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่าเครื่องกรองน้ำเครื่องไหนก็กรองน้ำได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเครื่องกรองน้ำที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมีทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้
– ระบบ MF (Micro Filtration System) เป็นระบบกรองด้วยเยื่อเมมเบรนที่มีรูขนาดเล็กประมาณ 0.1 ไมครอน ในการแยกอนุภาคขนาด 0.1-10 ไมครอน ออกจากสารแขวนลอยเพื่อทำให้น้ำบริสุทธิ์ และอีกหนึ่งข้อดีของระบบกรองชนิดนี้คืออายุการใช้งานที่ยาวนานมาพร้อมประสิทธิภาพการกรองที่สูง
– ระบบ UF (Ultra Filtration System) เป็นระบบกรองด้วยเยื่อเมมเบรนที่ผลิตจากวัสดุเบาบางหลายชั้นสำหรับแยกน้ำและอนุภาคอื่นที่อยู่ในน้ำให้ออกจากกัน สำหรับหลักการทำงานจะคล้ายคลึงกับระบบ RO เพียงแต่ระบบ RO สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่าระบบ UF
– ระบบ UV (Ultra Violet Filtration System) เป็นระบบกรองด้วยหลอด UV ที่มีความยาวคลื่นอัลตราไวโอเลตสูงถึง 254 นาโนเมตรส่องไปยังน้ำดิบที่เข้ามาในเครื่องเพื่อรบกวน DNA ของเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจนทำให้พวกมันไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในน้ำได้อีกต่อไป โดยระยะเวลาในการกรองจะใช้เวลาเพียง 1 นาที ต่อน้ำ 2-4 ลิตร (เร็วกว่าระบบกรองน้ำแบบอื่น), กำจัดกลิ่นและสีของคลอรีนให้เจือจาง อีกทั้งช่วยปรุงรสของน้ำให้เหมาะต่อการดื่ม นอกจากนี้ยังช่วยคงสภาพของแร่ธาตุให้อยู่ในน้ำที่ผ่านการกรองแล้ว คุณจึงได้รับแร่ธาตุจากแหล่งน้ำดิบได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งมีค่าบำรุงรักษาต่ำเพียงแค่เปลี่ยนหลอด UV ปีละ 1 ครั้ง
– ระบบ RO (Reverse Osmosis System) เป็นระบบกรองแบบรีเวอร์สออสโมซิส (Reverse Osmosis) โดยใส่ความดันให้สารละลายที่มีความเข้มข้นสูง จนความดันน้ำสูงกว่าความดันออสโมติก (Osmotic Pressure) โดยบีบให้น้ำหรือโมเลกุลของเหลวไหลผ่านเข้าไปยังเยื่อเมมเบรน (Membrane) จากบริเวณที่มีสารละลายเข้มข้นสูงไปยังบริเวณที่มีสารละลายเข้มข้นต่ำ สำหรับเยื่อเมมเบรนนั้นผลิตจากใยสังเคราะห์เซลลูโลสละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน ในการกรองน้ำจากแหล่งน้ำดิบ โดยความละเอียดในการกรองที่มากกว่าระบบกรองอื่น ๆ จึงสามารถกรองน้ำจากทุกแหล่งน้ำดิบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเล น้ำกร่อย น้ำบาดาล ฯลฯ นอกจากจะกรองสารปนเปื้อนจากแหล่งน้ำดิบอย่างเช่น สารเคมีเป็นพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำดิบแล้ว ยังกรองเชื้อไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ที่เจริญเติบโตจากแหล่งน้ำที่สกปรก ไม่ได้คุณภาพ

2. เลือกเครื่องกรองน้ำให้เหมาะกับที่อยู่อาศัย
หากอยู่กันเพียง 1-2 คน แนะนำให้เลือกซื้อเครื่องกรองน้ำขนาดเล็กหรือปานกลางก็พอ เพราะการซื้อเครื่องขนาดใหญ่มาใช้ อาจสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เพราะระบบการทำงานของเครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่จะต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าเครื่องกรองขนาดเล็ก แต่หากอยู่เกิน 3 คนขึ้นไป การซื้อเครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่ถือว่าตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของความไวในการกรองและสามารถใช้งานได้หลายฟังก์ชั่นตามความต้องการของแต่ละคน

3. เลือกจากดีไซน์เครื่องกรองน้ำ
ในปัจจุบันมีแบรนด์เครื่องกรองน้ำหลายแบรนด์เริ่มให้ความสำคัญกับการออกแบบดีไซน์ของเครื่องกรองมากขึ้น ทำให้ฟังก์ชั่นของ เครื่องกรองน้ำ เป็นมากกว่าเครื่องกรองน้ำเพียงอย่างเดียว และกลายเป็นไอเทมตกแต่งบ้านที่ใครหลายคนต้องมี นอกจากดีไซน์ที่สวยสะดุดตา ถูกใจคุณแล้ว อย่าลืมเลือกเครื่องที่มีหัวกดดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงโลกด้วย เพราะหัวกดแบบนี้จะช่วยประหยัดพลังงานในการกดน้ำดื่มมากขึ้น

4. เลือกจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีบริการก่อน-หลังการขายที่ดีเยี่ยม
หาก กำลังจะซื้อสินค้าสักชิ้น ตามธรรมชาติแล้วใคร ๆ ก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเอง เพราะเครื่องกรองน้ำจากแบรนด์คุณภาพจะใช้วัสดุคุณภาพดี ทนทานต่อการใช้งานสูง จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ด้วยความที่ของมีคุณภาพสูงจึงทำให้แบรนด์เหล่านั้นเป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ยิ่งแบรนด์ไหนมีประสบการณ์ขายสูง มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเกี่ยวกับบริการทั้งก่อน-หลังการขายที่ยอดเยี่ยมแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความอุ่นใจในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำมากยิ่งขึ้นด้วย และที่สำคัญแบรนด์ดัง ๆ หลายแบรนด์มักจะมีโปรโมชั่นเพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้า หาก เลือกซื้อในช่วงเวลาจัดโปรโมชั่นด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งจะช่วยให้ ได้ของดีในราคาที่ถูกลงอีกด้วย บอกได้เลยว่าซื้อของแบรนด์แล้วคุ้มแน่นอน

การเลือก เครื่องกรองน้ำ ที่เหมาะสมต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพน้ำในพื้นที่ ความต้องการใช้งาน และงบประมาณ การเลือกระบบที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้น้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และคุ้มค่ากับการลงทุน อย่าลืมว่าการบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของเครื่องกรองน้ำได้อย่างยาวนาน

ปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ

น้ำสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพ การเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับทุกครัวเรือน จะแนะนำปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการมากที่สุด

ปัจจัยด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ
1. เทคโนโลยีการกรอง
– ระบบ Reverse Osmosis (RO)
– ระบบ Ultrafiltration (UF)
– ระบบ Carbon Filter
– ระบบ UV Sterilization
– ระบบผสมผสานหลายเทคโนโลยี
2. ประสิทธิภาพในการกรอง
– ความสามารถในการกำจัดสิ่งปนเปื้อน
– อัตราการกรองน้ำต่อชั่วโมง
– อายุการใช้งานของไส้กรอง
– คุณภาพน้ำที่ผ่านการกรอง
3. มาตรฐานรับรอง
– มาตรฐาน อย.
– มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
– มาตรฐานสากล (NSF, CE)
– ใบรับรองคุณภาพอื่นๆ

ปัจจัยด้านการใช้งาน
1. ขนาดและพื้นที่ติดตั้ง
– ขนาดของเครื่อง
– พื้นที่ที่ต้องการในการติดตั้ง
– ความเหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน
– ความสะดวกในการเข้าถึงเพื่อบำรุงรักษา
2. กำลังการผลิต
– ปริมาณน้ำที่ต้องการใช้ต่อวัน
– จำนวนสมาชิกในครอบครัว
– ความถี่ในการใช้งาน
– ความต้องการน้ำในช่วงเวลาต่างๆ
3. ความสะดวกในการใช้งาน
– ระบบควบคุมอัตโนมัติ
– หน้าจอแสดงผล
– ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนไส้กรอง
– ความง่ายในการบำรุงรักษา

ปัจจัยด้านค่าใช้จ่าย
1. ราคาเครื่อง
– งบประมาณที่มี
– ความคุ้มค่าในระยะยาว
– โปรโมชั่นและส่วนลด
– อุปกรณ์เสริมที่จำเป็น
2. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
– ราคาไส้กรอง
– ความถี่ในการเปลี่ยนไส้กรอง
– ค่าบริการล้างเครื่อง
– ค่าไฟฟ้าที่ใช้
3. ค่าบริการหลังการขาย
– ค่าติดตั้ง
– ค่าบริการตรวจเช็คประจำปี
– ค่าซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหา
– ระยะเวลารับประกัน

ปัจจัยด้านแหล่งน้ำและคุณภาพน้ำ
1. แหล่งน้ำที่ใช้
– น้ำประปา
– น้ำบาดาล
– น้ำผิวดิน
– น้ำฝน
2. คุณภาพน้ำเบื้องต้น
– ความกระด้าง
– สิ่งปนเปื้อน
– สี กลิ่น รส
– ค่า TDS (Total Dissolved Solids)
3. ปัญหาเฉพาะของน้ำในพื้นที่
– สนิมเหล็ก
– ตะกอน
– เชื้อโรค
– สารเคมีตกค้าง

ปัจจัยด้านผู้ผลิตและการบริการ
1. ชื่อเสียงของแบรนด์
– ประวัติและความน่าเชื่อถือ
– ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ
– ความพึงพอใจของลูกค้า
– การรีวิวและคำแนะนำ
2. การบริการหลังการขาย
– ความครอบคลุมของศูนย์บริการ
– ระยะเวลาในการตอบสนอง
– คุณภาพการให้บริการ
– ความพร้อมของอะไหล่
3. การรับประกัน
– ระยะเวลารับประกัน
– เงื่อนไขการรับประกัน
– การเคลมสินค้า
– บริการระหว่างการรับประกัน

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
1. การติดตั้ง
– ความยากง่ายในการติดตั้ง
– ต้องการช่างผู้เชี่ยวชาญหรือไม่
– การเตรียมพื้นที่
– ระบบท่อและไฟฟ้า
2. การบำรุงรักษา
– ความถี่ในการบำรุงรักษา
– ขั้นตอนการทำความสะอาด
– การเปลี่ยนไส้กรอง
– การตรวจสอบประสิทธิภาพ

การเลือกซื้อ เครื่องกรองน้ำ ที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน ทั้งด้านคุณภาพ การใช้งาน ค่าใช้จ่าย และการบริการ การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์จากหลายแบรนด์จะช่วยให้ได้เครื่องกรองน้ำที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาวและคุณภาพการบริการหลังการขายเพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน

เครื่องกรองน้ำยี่ห้อไหนดีกรองน้ำสะอาด ติดตั้งง่าย ดีไซน์สวยงาม

เครื่องกรองน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เรามีน้ำดื่มสะอาด ไว้ดื่มทุกเมื่อที่เราต้องการ เพราะเครื่องกรองน้ำจะติดตั้งอยู่ในบ้านของเราเอง เราสามารถที่จะกรองน้ำใส่ขวดแล้วแช่ตู้เย็นไว้ดื่มได้ตลอดเวลา ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะเราไม่ต้องซื้อน้ำขวดมาเก็บไว้นั่นเอง ถือว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันมีเครื่องกรองน้ำออกมามากมายหลายรุ่น จนเราอาจจะเลือกไม่ถูกว่าควรจะเลือกรุ่นไหนดี การเลือกเครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพของคนในครอบครัว วันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องกรองน้ำยี่ห้อชั้นนำที่น่าสนใจ พร้อมข้อมูลเปรียบเทียบให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ
1. เทคโนโลยีการกรอง
– ระบบ RO (Reverse Osmosis)
– ระบบ UV (Ultraviolet)
– ระบบ UF (Ultrafiltration)
– ไส้กรองแบบ Carbon Block
– ระบบผสมผสาน
2. งบประมาณ
– ค่าเครื่อง
– ค่าติดตั้ง
– ค่าไส้กรองและการบำรุงรักษา
3. พื้นที่ติดตั้ง
– แบบตั้งพื้น
– แบบติดผนัง
– แบบวางบนเคาน์เตอร์

แนะนำเครื่องกรองน้ำยี่ห้อชั้นนำ
1. GIFFARINE
จุดเด่น:
– ระบบกรอง 5 ขั้นตอน
– มาตรฐาน NSF International
– รับประกันนาน 1 ปี
– บริการหลังการขายดี
– ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท

ข้อควรพิจารณา:
– ค่าไส้กรองค่อนข้างสูง
– ต้องเปลี่ยนไส้กรองตามกำหนดเวลา
2. MAZUMA
จุดเด่น:
– ระบบ RO คุณภาพสูง
– ประหยัดน้ำ
– ดีไซน์ทันสมัย
– รับประกัน 2 ปี
– ราคาเริ่มต้น 18,000 บาท

ข้อควรพิจารณา:
– ราคาค่อนข้างสูง
– ต้องมีพื้นที่ติดตั้งเพียงพอ
3. SAFE แบรนด์ไทย
จุดเด่น:
– ราคาประหยัด
– ไส้กรองหาซื้อง่าย
– บริการทั่วประเทศ
– รับประกัน 1 ปี
– ราคาเริ่มต้น 12,000 บาท

ข้อควรพิจารณา:
– อาจมีปัญหาเรื่องความทนทาน
– ระบบกรองไม่ซับซ้อนเท่าแบรนด์อื่น
4. UNILEVER PUREIT
จุดเด่น:
– แบรนด์นานาชาติ
– นวัตกรรมการกรองทันสมัย
– ดีไซน์สวยงาม
– ประหยัดพื้นที่
– ราคาเริ่มต้น 16,000 บาท

ข้อควรพิจารณา:
– ค่าบำรุงรักษาสูง
– อะไหล่บางรุ่นหายาก

คำแนะนำในการเลือกซื้อ
1. พิจารณาคุณภาพน้ำในพื้นที่
– น้ำประปา
– น้ำบาดาล
– ความกระด้างของน้ำ
2. ตรวจสอบมาตรฐานการรับรอง
– มาตรฐาน อย.
– มาตรฐาน NSF
– มาตรฐาน มอก.
3. พิจารณาการบริการหลังการขาย
– การรับประกัน
– บริการล้างเครื่อง
– ความสะดวกในการเปลี่ยนไส้กรอง

การดูแลรักษาเครื่องกรองน้ำ
1. การทำความสะอาดประจำ
– ล้างถังพักน้ำทุก 3-6 เดือน
– เช็ดทำความสะอาดภายนอกเครื่องสม่ำเสมอ
2. การเปลี่ยนไส้กรอง
– ไส้กรองขั้นต้น ทุก 6-12 เดือน
– ไส้กรอง Carbon ทุก 12-18 เดือน
– เมมเบรน RO ทุก 2-3 ปี
3. การตรวจสอบประสิทธิภาพ
– สังเกตรสชาติและกลิ่นของน้ำ
– ตรวจสอบแรงดันน้ำ
– ติดตามอายุการใช้งานของไส้กรอง

การเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งงบประมาณ พื้นที่ติดตั้ง และความต้องการใช้งาน แต่ละแบรนด์มีจุดเด่นและข้อควรพิจารณาแตกต่างกัน
1. ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
2. เปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายร้าน
3. อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง
4. พิจารณาค่าใช้จ่ายระยะยาว
5. เลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขายที่ดี

การลงทุนใน เครื่องกรองน้ำคุณภาพดีอาจมีค่าใช้จ่ายสูงในตอนแรก แต่จะคุ้มค่าในระยะยาวเมื่อพิจารณาถึงสุขภาพของครอบครัวและค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มที่ประหยัดได้

ประโยชน์ของเครื่องกรองน้ำ การลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ แต่ในปัจจุบัน คุณภาพของน้ำที่เราบริโภคกลายเป็นประเด็นที่น่ากังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยปัญหามลพิษทางน้ำที่เพิ่มขึ้น และการปนเปื้อนของสารเคมีและเชื้อโรคในแหล่งน้ำธรรมชาติ เครื่องกรองน้ำ จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับประกันคุณภาพน้ำที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะนำเสนอประโยชน์หลากหลายด้านของเครื่องกรองน้ำ ที่ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
1. การปรับปรุงคุณภาพน้ำดื่ม
ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของเครื่องกรองน้ำ คือ การปรับปรุงคุณภาพน้ำดื่ม เครื่องกรองน้ำสามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:
1.1 การกำจัดสารเคมีอันตราย
เครื่องกรองน้ำสามารถลดหรือกำจัดสารเคมีอันตรายหลายชนิดที่อาจปนเปื้อนในน้ำ เช่น
– คลอรีนและผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการฆ่าเชื้อ
– สารกำจัดศัตรูพืชและยาฆ่าแมลง
– สารหนู ตะกั่ว และโลหะหนักอื่นๆ
– สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs)

การกำจัดสารเคมีเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพระยะยาว เช่น โรคมะเร็ง ความผิดปกติของระบบประสาท และปัญหาตับไต
1.2 การกำจัดเชื้อโรค
เครื่องกรองน้ำบางประเภท เช่น ระบบ UV หรือ Reverse Osmosis สามารถกำจัดเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนในน้ำได้ เช่น
– แบคทีเรีย (เช่น E. coli, Salmonella)
– ไวรัส (เช่น Hepatitis A, Rotavirus)
– โปรโตซัว (เช่น Giardia, Cryptosporidium)

การกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางน้ำ เช่น อหิวาตกโรค บิด และโรคท้องร่วงชนิดต่างๆ
1.3 การลดความกระด้างของน้ำ
เครื่องกรองน้ำบางระบบสามารถลดความกระด้างของน้ำได้ โดยกำจัดแร่ธาตุที่ทำให้น้ำกระด้าง เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
– ทำให้น้ำมีรสชาติดีขึ้น
– ลดการสะสมของตะกรันในเครื่องใช้ไฟฟ้าและท่อน้ำ
– ช่วยให้สบู่และผงซักฟอกทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.4 การปรับปรุงรสชาติและกลิ่นของน้ำ
เครื่องกรองน้ำ โดยเฉพาะที่ใช้ถ่านกัมมันต์ สามารถกำจัดสารที่ทำให้เกิดกลิ่นและรสไม่พึงประสงค์ในน้ำได้ เช่น
– กลิ่นคลอรีน
– รสชาติโลหะ
– กลิ่นและรสของสารอินทรีย์ต่างๆ
– ทำให้น้ำมีรสชาติสดชื่นและดื่มง่ายขึ้น ส่งเสริมให้ผู้คนดื่มน้ำมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ

2. ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว การใช้เครื่องกรองน้ำยังมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้:
2.1 การประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
แม้ว่าการลงทุนซื้อเครื่องกรองน้ำอาจมีค่าใช้จ่ายสูงในตอนแรก แต่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เมื่อเทียบกับการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดเป็นประจำ โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวใหญ่หรือองค์กรที่มีการบริโภคน้ำในปริมาณมาก
2.2 การลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้า
น้ำที่ผ่านการกรองจะมีความกระด้างน้อยลง ซึ่งช่วยลดการสะสมของตะกรันในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้น้ำ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า และเครื่องล้างจาน ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
2.3 การประหยัดพลังงาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีการสะสมของตะกรันจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ประหยัดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
2.4 การลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
การดื่มน้ำสะอาดช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคที่มีน้ำเป็นสื่อ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาว

3. ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้เครื่องกรองน้ำยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน:
3.1 การลดการใช้พลาสติก
การใช้เครื่องกรองน้ำช่วยลดความจำเป็นในการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติก ซึ่งเป็นการลดปริมาณขยะพลาสติกที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในปัจจุบัน
3.2 การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การผลิต การขนส่ง และการกำจัดขวดพลาสติกล้วนปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้เครื่องกรองน้ำจึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอ้อม
3.3 การประหยัดทรัพยากรน้ำ
ระบบกรองน้ำบางประเภท เช่น Reverse Osmosis ที่มีการติดตั้งระบบหมุนเวียนน้ำ สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดแบบทั่วไป
3.4 การลดการใช้สารเคมีในการทำความสะอาด
น้ำที่ผ่านการกรองมีความกระด้างน้อยลง ทำให้สบู่และผงซักฟอกทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ใช้สารเคมีในการทำความสะอาดน้อยลง ซึ่งเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

4. การเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน
เครื่องกรองน้ำ ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้หลายด้าน:
4.1 น้ำดื่มสะอาดพร้อมใช้ตลอดเวลา
เมื่อติดตั้งเครื่องกรองน้ำในบ้าน คุณจะมีน้ำดื่มสะอาดพร้อมใช้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหมดหรือต้องออกไปซื้อน้ำดื่มเพิ่มเติม
4.2 ลดภาระในการจัดเก็บและกำจัดขวดน้ำ
การใช้เครื่องกรองน้ำช่วยลดความจำเป็นในการจัดเก็บขวดน้ำจำนวนมากในบ้าน และลดภาระในการกำจัดขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว
4.3 ความหลากหลายในการใช้งาน
น้ำที่ผ่านการกรองสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย นอกเหนือจากการดื่ม เช่น
– การประกอบอาหาร
– การชงชาและกาแฟ
– การล้างผักและผลไม้
– การดูแลต้นไม้ที่ต้องการน้ำคุณภาพสูง